สัญญาการกู้ยืมเงินและเงินกู้

• การกู้เงิน เป็นเรื่องที่ชาวบ้านชาวช่องโดยทั่วไปนิยมชมชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจมันไม่ค่อยจะดี ข้าวของที่จะเอามาจับจ่ายใช้สอบก็ทยอยขึ้นราคา ทำให้ในแต่ละเดือนเงินที่ได้มาก็ไม่พอที่จะใช้จ่าย บางคนที่มีภาระมากก็ชักหน้าไม่ค่อยถึงหลัง สุดท้ายพอไม่ไหวมันก็จำเป็นต้องกู้เงินจากคนอื่นมาใช้สิครับ
• เมื่อจะกู้เงินทั้งทีมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรจะพิจารณาถึงแหล่งเงินที่เราจะไปกู้เงินนั้นก่อน ว่ามันน่าเชื่อถือและปลอดภัยแค่ไหน หากเป็นการกู้กับสถาบันการเงินในระบบก็สบายใจได้หน่อย หากใครจะกู้กันเองกับคนที่เรารู้จักกัน อย่างนี้ก็สบายใจได้บ้าง ส่วนดอกเบี้ยก็ต่อรองกันไปตามความพอใจ แต่หากใครที่คิดจะไปกู้จากนายทุนเงินกู้นอกระบบ  อย่างนี้ก็จงคิดให้หนัก เพราะแค่นายทุน ก็รู้แล้วว่าหวังผลแต่กำไร ยิ่งตามมาด้วยนอกระบบอีก มันก็ยิ่งไม่ถูกต้องไปกันใหญ่ ก็ระวังเอาไว้นะครับ ดีไม่ดีเวลาคนกู้ผิดนัด ชายชุดดำหาแวะเวียนมาถามหาก็ได้นะครับ
• ที่นี้เรามาดูหลักเกณฑ์ในการกู้ยืมเงินตามกฎหมายกันครับ ตามกฎหมายก็วางหลักเอาไว้ว่า  “การกู้ยืมเงินกันกว่า 2,000 บาท ขึ้นไปนั้น จะต้องมีหลักฐานในการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  ลงลายมือชื่อของคนยืมเป็นสำคัญ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้”
• ก็สรุปได้ว่า การกู้ยืมเงินนั้น หากกู้เงินกัน จำนวนเงินกู้ไม่เกิน 2 พันบาทนั้น ไม่ต้องมีสัญญาหรือไม่ต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือขึ้นมาก็ได้ หากเมื่อผิดสัญญาขึ้นมา ก็สามารถฟ้องร้องกันได้ แต่ในกรณีการกู้ยืมเงินเกินกว่า 2 พันบาทขึ้นไปนั้น กฎหมายบอกต้องทำสัญญากู้ยืมหรือต้องมีหลักฐานในการกู้ยืมเงินนั้นเป็นหนังสือและในสัญญาหรือหลักฐานการกู้ยืมนั้นต้องมีลายมือชื่อของคนกู้เงินด้วยเสมอ จึงจะฟ้องร้องกันได้ ที่นี้อาจมีคนสงสัยว่า หลักฐานเป็นหนังสือที่ว่านั้นมีหน้าตาอย่างไร คำตอบก็คือ อาจเป็นข้อความที่เขียนกันไว้บนแผ่นกระดาษโดยมีข้อความเข้าใจได้ว่า ใครยืมเงินใครไป จำนวนเท่าไหร่ และที่สำคัญในข้อความนั้นจะต้องลงลายมือชื่อของคนยืมด้วยเสมอ ตัวอย่างเช่น นายไก่ ใช้ปากกาเขียนข้อความไว้บนกระดาษเปล่าๆ ให้ไว้กับนายไข่ ว่า
  ข้านายไก่ ได้ยืมเงินนายไข่ ไปจำนวน 5 หมื่นบาท
  ลงชื่อ นายไก่
• จากข้อเท็จจริงข้างต้น เมื่อนายไก่ ไม่ยอมเอาเงินมาคืนนายไข่ นายไข่ ก็สามารถนำหลักฐานที่นายไก่ เขียนเอาไว้นั้นไปเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับ นายไก่ ต่อศาลได้ครับ
• สุดท้ายนี้ เราก็ทราบถึงหลักเกณฑ์ในการทำกู้ยืมเงินตามกฎหมายกันแล้วนะครับ ก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับ ส่วนในเรื่องของการเรียกดอกเบี้ยของเงินกู้นั้น ขอรวมเอาไปว่ากันคราวหน้านะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก chawbanlaw.com